วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สถาบันวิจัยเกี่ยวกับสารไวนิลต่างๆในการผลิต ตอนที่ 2

ไสยเวทเบี้ยแก้ที่ผูกไว้ที่เอวแกจะสั่นไปมาตลอดแสดงว่าแกโดนของถูกกระทำ ด้วยไสยดำจากหมอผีหรือหมอไสยะคนใดคนหนึ่งที่ไม่ชอบขี้หน้าแก หรือ อาจจะมีสาเหตุโกรธแค้นเคืองอะไรสักอย่าง แกมีอาการคลุ้มคลั่งหนักพอๆ กับความร้อนผ่าวที่แผ่ซ่านอยู่ในตัว พ่อกับแม่จะเข้าไปช่วย คงจะสงสารแก ที่คลุ้มคลั่งหนักเหมือนคนบ้าเสียสติ แต่ปูเวียงหมอผียกมือห้ามมิให้ยุ่ง แม้แก จะถูกมัดด้วยเชือกไว้ก็ตาม คงกลัวว่าจะทำให้เสียพิธี ยังปล่อยให้แกทน ทุกข์ทรมาทรกรรมคลุ้มคลั่งบ้าไปคนเดียวอยู่นานเกือบค่อนวันแกจึงสงบลง หมดฤทธิ้หมดเดชนอนพังพาบเหมือนไล้เดือนโดนขี้เถ้า อ่อนปวกเปียกนอน หายใจพะงาบๆ นํ้าลาย'ไหลทุ)มปาก สองลูกตามองละห้อยเหมือนจะขอ ความเห็นใจจากพ่อแม่และคนอื่น แกถึงกับเยี่ยวรดกางเกงเปียกส่งกลิ่น เหม็นหึ่งปูเวียงเห็นแกอาการดีขึ้นจึงเอาว่านล้างอาถรรพณ์ไสยดำฝนกับนั้า  แพยางเป่าลมขนาดใหญ่ ใส่ขัน แล้วให้แกดื่มจนหมด ว่านที่แกดื่มรสขมมาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ เพราะ ปูเวียงบังคับให้แกดื่มนั้าว่านหมดขันไม่ช้าแกก็รู้สึกมวนท้องบ้วนไปหมดก่อน จะอาเจียนคายของเก่าในท้องและของที่เป็นไสยดำซึ่งถูกเสกสิงอยู่ในตัว ออกมา มีเข็มหมุดสามตัว เล้นผมหลายเล้นและเถ้ากระดูกอีกจำนวนหนึ่ง วางกองอยู่บนพื้น เสียงปูเวียงพูดเบาๆ ขึ้นว่ามันกะเล่นให้ตายเขียวหรือ โหดเหี้ยมอำมหิตมากแกล้วงเอาผืนผ้าเหลืองเท่าฝ่ามือที่อยู่ในย่ามออกมา แล้วใช้ไม้แห้ง เขี่ยเอาเข็มหมุด เล้นผมและเถ้ากระดูกเหล่านั้นใส่ลงในผืนผ้าเหลืองจน หมดเกลืยงมิ,ให้เหลือสักอย่าง รวบชายผ้าเหลืองเข้าหากันผูกด้วยด้ายสาย สิญจนัให้แน่น ปากของปูเวียงร่ายคาถากำกับขณะที่ผูกผ้าเหลือง เสมือนม่นิยามสอนใจผมและจำฝังใจว่า “ความยากลำบาก สอน ให้เรารู้ความสบาย” ซึ่งคำสอนนี้สร้างให้คนไปสู่ความสำเร็จมาแล้ว ตั้งมากมายสหรัฐอเมริกาแลเช่นเดียวกับคนที'เริ่มต้นชีวิต หากไม่ลองคิดที่จะก้าวเดิน ไปข้างหน้า เราก็ย่อมไม่รู้ว่าเล้นทางนั้นเป็นอย่างไรอย่างการทำงาน ทุกคนย่อมมีการเริ่มต้น ไม่ว่าจะเก่งมาจาก ไหน ? เมื่อเริ่มงานใหม่ ทุกคนก็คือพนั้กงานใหม่ที่เรียนรู้กับงานที่ต้อง รับผิดชอบ หากเราไม่รู้จักก้าวแรก ก้าวต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเรายึดติดกับเรื่องเดิมๆ ที่ไม่มีการเรียนรู้เพิ่มเติม บางครั้งบระ- สบการณ์ช่วยได้ในบางสิ่ง แต่บางสิ่งก็ไม,อาจนำมาใช้ได้ หากงานที่ ทำนั้นคนละแนวกันกับที่เคยทำมาเมื่อเป็นเช่นนั้น เราต้องกล้าที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า จะดีหรือ ร้ายเราต้องลองก่อน ไม่ใช่นั่งรอให้เวลาเดินผ่านไป โดยที่เราไม,ไต้อะไร กับสิ่งนั้นเลยแม้แต่นิดเดียวชีวิตของคนแต่ละคน ล้วนผ่านการก้าวเดินมาแล้วทั้งนั้นและ รู้จักถูกผิดมาทุกคน การที่คนเราไม่เคยทำอะไรมาก่อน จะให้เขาทำ ไต้เลยคงเป็นไปไม่ไต้ ทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ห่วงยางเล่นน้ำภาษาอังกฤษ  ไป อยู่ที่ว่าเราจะ เรียนรู้เร็วมากน้อยแค่ไหน เพราะสมองของแต่ละคนมีขีดจำกัดในการ รับข้อมูล หากเป็นคนที่มีความตั้งใจ ขยันถาม ขยันศึกษา การเรียนรู้ ก็ง่ายที่จะนำไปปฏิบัติ แต่ในทางกลับกัน หากคนนั้นไม่ค่อยสนใจ การเรียนรู้ก็ล่าข้ากว่าคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา

แพยางฟลามิงโก้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น